กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG) กำลังเป็นที่สนใจของนักลงทุนที่มองหาทางเลือกใหม่ในการลดหย่อนภาษี แตกต่างจาก RMF (กองทุนรวมเพื่อการเกษียณ) ที่ต้องผูกมัดเงินจนอายุ 55 ปี กองทุน Thai ESG ให้ความยืดหยุ่นมากกว่าด้วยการถือครองเพียง 5 ปีเต็ม และสามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 300,000 บาทต่อปี
ปัจจุบันมีกองทุนลดภาษีใหม่ที่น่าสนใจคือ Thailand ESG Extra Fund (Thai ESGX) ซึ่งเป็นกองทุนพิเศษเฉพาะปี 2568 ที่เพิ่มวงเงินลดหย่อนภาษีได้มากถึง 800,000 บาท การทำความเข้าใจลักษณะเฉพาะของแต่ละประเภทจะช่วยให้คุณวางแผนการลงทุนและการประหยัดภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Thai ESGX (Thailand ESG Extra Fund) เป็นนวัตกรรมใหม่ของตลาดทุนไทยที่รัฐบาลพัฒนาขึ้นเป็นพิเศษในปี 2568 เพื่อรองรับการปรับโครงสร้างจากกองทุน LTF เดิม และเปิดโอกาสให้นักลงทุนใหม่เข้าถึงการลงทุนเพื่อความยั่งยืนระยะยาว กองทุนนี้เปิดให้ลงทุนเพียง 2 เดือนเท่านั้น (พฤษภาคม-มิถุนายน 2568) จึงถือเป็นโอกาสที่จำกัด
Thai ESG ลงทุนในอะไร: มุ่งเน้นธุรกิจยั่งยืนไทย
1. หุ้นบริษัทไทยที่ผ่านมาตรฐาน SET ESG Ratings
กองทุน Thai ESG เลือกลงทุนในหุ้นบริษัทไทยที่ผ่านการประเมินจาก ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในระบบ SET ESG Ratings ปัจจุบันมีบริษัทที่ได้รับการรับรอง 220 บริษัท แบ่งตามระดับคุณภาพ
- AAA Rating: 56 บริษัท - องค์กรที่เป็นผู้นำด้านการดำเนินงานอย่างยั่งยืน
- AA Rating: 76 บริษัท - องค์กรที่มีมาตรฐาน ESG ในระดับสูง
- A Rating: 68 บริษัท - องค์กรที่มีการปฏิบัติ ESG ในระดับที่น่าพอใจ
- BBB Rating: 20 บริษัท - องค์กรที่มีการดำเนินงาน ESG ขั้นพื้นฐาน
2. พันธบัตรเพื่อความยั่งยืน ESG Bond
การลงทุนของ Thai ESG ไม่ได้จำกัดอยู่แค่หุ้น แต่ยังครอบคลุมถึง ESG Bond ซึ่งเป็นตราสารหนี้ที่ระดมเงินทุนเพื่อสนับสนุนโครงการเพื่อความยั่งยืน ประกอบด้วย
- Green Bond - ระดมทุนสำหรับโครงการรักษาสิ่งแวดล้อม
- Social Bond - ระดมทุนสำหรับโครงการพัฒนาสังคม
- Sustainability Bond - ระดมทุนสำหรับโครงการยั่งยืนแบบบูรณาการ
ความแตกต่างที่สำคัญ: Thai ESG vs RMF vs Thai ESGX
ตามประกาศจาก กรมสรรพากร และ สำนักงาน ก.ล.ต. แต่ละประเภทกองทุนมีลักษณะเฉพาะที่นักลงทุนควรเข้าใจ
1.เงื่อนไขการลดหย่อนภาษี
- RMF: ลดหย่อนได้สูงสุด 500,000 บาท (ไม่เกิน 30% ของรายได้ประจำปี)
- Thai ESG: ลดหย่อนได้สูงสุด 300,000 บาท (ไม่เกิน 30% ของรายได้ประจำปี)
- Thai ESGX: ลดหย่อนได้สูงสุด 800,000 บาท (แบ่งเป็น 2 วงเงิน คือ 300,000 บาท + 500,000 บาทจากการสับเปลี่ยน LTF)
2.ระยะเวลาการผูกมัดเงินลงทุน
- RMF: ผูกมัดจนอายุครบ 55 ปี และต้องลงทุนต่อเนื่องอย่างน้อย 5 ปี
- Thai ESG: ผูกมัดเพียง 5 ปีเต็ม นับแบบวันต่อวัน
- Thai ESGX: ผูกมัดเพียง 5 ปีเต็ม นับแบบวันต่อวัน
3.ขอบเขตการลงทุน
- RMF: ลงทุนได้อย่างหลากหลายทั่วโลก รวมหุ้น ตราสารหนี้ ทองคำ และอสังหาริมทรัพย์
- Thai ESG: ลงทุนเฉพาะในหลักทรัพย์ไทยที่ผ่านเกณฑ์ ESG เท่านั้น
- Thai ESGX: ลงทุนในหลักทรัพย์ที่เน้นความยั่งยืนทั้งในและต่างประเทศ
ข้อดีของการลงทุน Thai ESG ที่ควรรู้
1.ผลตอบแทนที่มั่นคงในระยะยาว
บริษัทที่ให้ความสำคัญกับ ESG มักมีการบริหารจัดการที่ดี ลดความเสี่ยงจากปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมที่อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจ
2.สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม
การลงทุนใน Thai ESG ไม่เพียงแค่หาผลกำไร แต่ยังช่วยสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศ
3.รับการสนับสนุนจากภาครัฐ
รัฐบาลมีนโยบายชัดเจนในการส่งเสริม ESG ทำให้มีแนวโน้มที่บริษัทเหล่านี้จะได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง
4.ประโยชน์ทางภาษีที่ชัดเจน
กองทุน Thai ESG และ Thai ESGX ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่มีความยืดหยุ่นกว่า RMF
สิทธิประโยชน์ทางภาษีรวม
- RMF: ลดหย่อนไม่เกิน 30% ของรายได้และไม่เกิน 500,000 บาท รวมกับกองทุนเกษียณอื่น ๆ
- Thai ESG: ลดหย่อนไม่เกิน 30% ของรายได้และไม่เกิน 300,000 บาท
- Thai ESGX: ประกอบด้วย 2 วงเงิน คือ วงเงินที่ 1 ไม่เกิน 30% ของรายได้และไม่เกิน 300,000 บาท วงเงินที่ 2 สูงสุด 500,000 บาท (แบ่งเป็นปีแรก 300,000 บาท และปีที่ 2-5 ปีละ 50,000 บาท)
ซึ่งสามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับกองทุนลดหย่อนภาษีได้ที่ “กองทุนลดหย่อนภาษี SSF, RMF และ ThaiESG ต่างกันยังไง”
แนวทางการเลือกกองทุนตามช่วงอายุและเป้าหมาย
การตัดสินใจเลือกกองทุนลดหย่อนภาษีควรพิจารณาจากหลายมิติ ได้แก่
1.สำหรับวัยรุ่นและวัยทำงานต้น (อายุ 25-45 ปี)
- แนะนำ Thai ESG เพื่อความคล่องตัว
- ไม่จำเป็นต้องรอถึงวัยเกษียณ มีโอกาสนำเงินไปใช้ตามแผนชีวิต
- เหมาะสำหรับการวางแผนการเงินระยะกลางถึงยาว
2.สำหรับวัยกลางคนและใกล้เกษียณ (อายุ 45 ปีขึ้นไป)
- แนะนำ RMF เป็นหลัก เพื่อความมั่นคงในวัยเกษียณ
- เสริมด้วย Thai ESG เพื่อเพิ่มทางเลือกการลดหย่อนภาษี
- เน้นการสร้างหลักประกันทางการเงินระยะยาว
3.สำหรับผู้มีรายได้สูงและฐานะภาษีมาก
- ใช้สิทธิครบทุกประเภท RMF + Thai ESG
- ลดหย่อนภาษีสูงสุดรวม 800,000 บาท
4.สำหรับผู้ถือ LTF เดิม
- Thai ESGX เป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการปรับโครงสร้าง
- สามารถทยอยใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ 5 ปี รวม 500,000 บาท
- ไม่สูญเสียสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่สะสมมา
เลือกเส้นทางการลงทุนที่เหมาะสมกับคุณ
กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG) นำเสนอทางเลือกที่มีความยืดหยุ่นมากกว่า RMF สำหรับนักลงทุนที่ต้องการประโยชน์ทางภาษีแต่ไม่ต้องการผูกมัดเงินระยะยาวจนถึงวัยเกษียณ การมี Thai ESGX ในปี 2568 ยิ่งเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีความสนใจได้รับประโยชน์เพิ่มเติม
การเข้าใจจุดเด่นและข้อจำกัดของแต่ละประเภทกองทุน และการเลือกให้สอดคล้องกับสถานการณ์ส่วนตัวจะช่วยให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุดทั้งในด้านการลงทุนและการประหยัดภาษี
หากคุณกำลังมองหาคำปรึกษาเกี่ยวกับการเลือกกองทุนลดหย่อนภาษีที่สอดคล้องกับเป้าหมายทางการเงิน Yuanta Securities พร้อมเป็นพันธมิตรการลงทุนด้วยประสบการณ์กว่า 49 ปี ใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. และความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์กองทุนเพื่อความยั่งยืน
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเราพร้อมให้คำแนะนำเรื่องการเลือกกองทุนและการวางแผนประหยัดภาษีที่เหมาะสมกับโปรไฟล์ของคุณ
เปิดบัญชีได้ที่ https://www.yuanta.co.th/ หรือติดต่อสอบถาม เพื่อเริ่มต้นการลงทุนและการวางแผนภาษีอย่างชาญฉลาด
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q: Thai ESG ต่างจาก RMF อย่างไร?
A: Thai ESG ถือครองแค่ 5 ปี ลงทุนเฉพาะในบริษัทไทยที่มี ESG Rating สูง และลดหย่อนภาษีได้ 300,000 บาท ขณะที่ RMF ต้องถือจนอายุ 55 ปี ลงทุนได้หลากหลายทั่วโลก และลดหย่อนภาษีได้ 500,000 บาท
Q: สามารถซื้อทั้ง Thai ESG และ RMF พร้อมกันได้หรือไม่?
A: ได้ เพราะวงเงินลดหย่อนภาษีของ Thai ESG (300,000 บาท) ไม่นับรวมกับวงเงิน RMF (500,000 บาท) ทำให้สามารถลดหย่อนภาษีรวมได้ 800,000 บาท โดยไม่รวม Thai ESGX
Q: Thai ESGX เหมาะกับใครบ้าง?
A: เหมาะกับผู้ที่มี LTF เก่าต้องการสับเปลี่ยน ผู้มีฐานะภาษีสูงต้องการลดหย่อนภาษีเพิ่มเติม และผู้ที่สามารถลงทุนได้ในช่วงเวลาที่จำกัด (พ.ค.-มิ.ย. 2568)
Disclaimer: บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลและความรู้ทั่วไปเท่านั้น ไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนหรือการวางแผนการเงินส่วนบุคคล ผู้อ่านควรปรึกษาที่ปรึกษาทางการเงินหรือผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุนหรือวางแผนการเงิน การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน