การวางแผนเกษียณเป็นเรื่องสำคัญที่คนวัยทำงานทุกคนควรเริ่มทำตั้งแต่วันนี้ ตามข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย คนไทยส่วนใหญ่มีเงินออมเพียงพอใช้จ่ายหลังเกษียณเพียง 3-5 ปีเท่านั้น ในขณะที่ระยะเวลาหลังเกษียณอาจยาวนานถึง 20-30 ปี

  ปัจจุบันสังคมไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างรวดเร็ว ประกอบกับเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นและค่าใช้จ่ายด้านการแพทย์ที่สูงขึ้น ทำให้การวางแผนเกษียณกลายเป็นเรื่องจำเป็นมากกว่าเดิม หากไม่เริ่มวางแผนตั้งแต่อายุ 30 อาจพบปัญหาเงินไม่พอใช้ในวัยเกษียณ

  บทความนี้จะแนะนำวิธีวางแผนเกษียณสำหรับคนรายได้น้อยไปจนถึงรายได้สูง พร้อมเครื่องมือคำนวณ ขั้นตอนการดำเนินการ และกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมกับแต่ละช่วงอายุ

การวางแผนเกษียณคืออะไร?

คำจำกัดความที่ชัดเจน

  วางแผนเกษียณคือกระบวนการเตรียมความพร้อมทางการเงินและการใช้ชีวิตสำหรับช่วงเวลาหลังหยุดทำงาน โดยมีเป้าหมายให้มีเงินเพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ และกิจกรรมต่างๆ ที่ต้องการทำในวัยเกษียณ

  การออมเพื่อเกษียณไม่ใช่เพียงแค่การเก็บเงินไว้ในบัญชีออมทรัพย์ แต่รวมถึงการลงทุนในเครื่องมือทางการเงินที่หลากหลาย เพื่อให้เงินเติบโตได้เร็วกว่าอัตราเงินเฟ้อและสร้างรายได้เพิ่มเติมในระยะยาว

ประเภทของแผนการเงินเกษียณแบบง่ายๆ

  1. แผนพื้นฐาน: เก็บเงินในบัญชีออมทรัพย์และประกันชีวิต เหมาะสำหรับผู้มีรายได้น้อย
  2. แผนสมดุล: ผสมผสานระหว่างการออมและลงทุนใน RMF, Thai ESG เหมาะสำหรับคนรายได้ปานกลาง
  3. แผนเชิงรุก: เน้นการลงทุนในหุ้น, กองทุน, อสังหาริมทรัพย์ เหมาะสำหรับผู้มีความรู้และรายได้สูง

ทำไมต้องสนใจวางแผนเกษียณ?

ข้อดีและประโยชน์

  • ความมั่นคงทางการเงิน: มีเงินเพียงพอใช้จ่ายโดยไม่ต้องพึ่งพาลูกหลาน สร้างความมั่นใจในอนาคต
  • อิสรภาพในการเลือกใช้ชีวิต: สามารถทำกิจกรรมที่ชื่นชอบ เดินทางท่องเที่ยว หรือทำสิ่งที่ไม่เคยมีเวลาทำ
  • ประโยชน์ด้านภาษี: การลงทุนใน RMF และ Thai ESG ช่วยลดภาษีได้สูงสุด 500,000 บาทต่อปี

สถิติและข้อมูลสำคัญ

  สถิติจากสำนักงานประกันสังคม เงินบำนาญประกันสังคมปัจจุบันสูงสุด 7,500 บาทต่อเดือน (หากส่งครบ 35 ปี) จากฐานเงินเดือนสูงสุด 15,000 บาท โดยมีแผนปรับขึ้นเป็น 17,500-23,000 บาท ในปี 2569-2575

  ข้อมูลจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา พบว่าคนรุ่นใหม่เริ่มวางแผนเกษียณเร็วขึ้น:

  • Baby Boomer: เริ่มวางแผนที่อายุ 41 ปี
  • Gen X: เริ่มวางแผนที่อายุ 38 ปี
  • Gen Y: เริ่มวางแผนที่อายุ 32 ปี
  • Gen Z: เริ่มวางแผนที่อายุ 26 ปี

  คนไทยมีระดับทักษะทางการเงินเฉลี่ย 71.4% เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ที่ 67.4% และสูงกว่าค่าเฉลี่ยของ OECD

วิธีวางแผนเกษียณอย่างไรให้ถูกต้อง?

ขั้นตอนเริ่มต้นสำหรับมือใหม่

ขั้นตอนที่ 1: คำนวณเงินเกษียณต้องเก็บเท่าไหร่

  • คำนวณค่าใช้จ่ายปัจจุบัน และคูณด้วย 25-30 เท่า
  • เพิ่มค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ (คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3-4 เท่า ในวัยผู้สูงอายุ)
  • คำนึงถึงอัตราเงินเฟ้อ (เป้าหมาย ธปท. 1-3% ต่อปี)
  • เวลาที่ใช้: 1-2 ชั่วโมงสำหรับการคำนวณเบื้องต้น

ขั้นตอนที่ 2: ตั้งเป้าหมายและแบ่งช่วงอายุ

  • อายุ 25-35 ปี: เน้นการออมและลงทุนระยะยาว เริ่มต้นด้วย 10% ของรายได้
  • อายุ 36-50 ปี: เพิ่มสัดส่วนการออมเป็น 15-20% เน้นการลงทุนที่สมดุล
  • อายุ 51-60 ปี: ลดความเสี่ยง เน้นความมั่นคงและการเก็บรักษาเงินทุน

ขั้นตอนที่ 3: เลือกเครื่องมือการลงทุนเพื่อเกษียณ

  • เปิดบัญชี RMF และ Thai ESG สำหรับผลประโยชน์ด้านภาษี
  • ลงทุนในกองทุนผสมสำหรับการกระจายความเสี่ยง
  • พิจารณาประกันเกษียณเป็นเครื่องมือเสริม

เครื่องมือและช่องทางที่แนะนำ

ชื่อ

ข้อดี

ข้อเสีย

เหมาะสำหรับ

RMF

ลดหย่อนภาษีสูงสุด 500,000 บาท, ผลตอบแทนดี

ติดเงื่อนไข 5 ปี, ต้องซื้อต่อเนื่อง

คนทำงานที่มีรายได้ประจำ

Thai ESG

ลดหย่อนภาษีสูงสุด 300,000 บาท, ลงทุนยั่งยืน

ผลตอบแทนผันผวน, ติดเงื่อนไข 5 ปี

นักลงทุนที่สนใจความยั่งยืน

ประกันเกษียณ

รับประกันเงินต้น, รายได้ประจำ

ผลตอบแทนต่ำ

ผู้ที่ต้องการความมั่นคง

หุ้น/ETF

ผลตอบแทนสูง

ความเสี่ยงสูง

นักลงทุนที่มีประสบการณ์

 

  หมายเหตุสำคัญ: SSF หยุดให้สิทธิลดหย่อนภาษีแล้วในปี 2567 ปัจจุบันสามารถลงทุนใน RMF และ Thai ESG เพื่อลดหย่อนภาษีได้

 

ข้อควรระวังและความเสี่ยง

สิ่งที่ต้องระวัง

1.ปัญหาอัตราเงินเฟ้อและเสถียรภาพ

  แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อไทยปัจจุบัน (เมษายน 2025) อยู่ที่ -0.22% แต่ธนาคารแห่งประเทศไทยยังคงเป้าหมายไว้ที่ 1-3% ต่อปี ในระยะยาว การวางแผนเกษียณต้องคำนึงถึงผลกระทบระยะยาวของเงินเฟ้อ

2.ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

  • ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของผู้สูงอายุสูงกว่าคนวัยทำงาน 3-4 เท่า
  • 5 โรคหลักที่ดันค่าใช้จ่าย: โรคอ้วน, โรคความดันโลหิตสูง, โรคโลหิตจาง, โรคข้ออักเสบ, โรคเบาหวาน
  • คาดว่าในอีก 15 ปี ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของคนไทยจะสูงถึง 1.4 ล้านล้านบาท

3.การลงทุนผิดพลาด

  ลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงสูงเกินไปใกล้วัยเกษียณ อาจทำให้สูญเสียเงินทุน

วิธีลดความเสี่ยง

  • กระจายการลงทุน: แบ่งเงินลงทุนในหลายประเภทสินทรัพย์
  • ทบทวนแผนสม่ำเสมอ: ปรับแผนทุก 3-5 ปี ตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง
  • มีกองทุนฉุกเฉิน: เก็บเงินสำรอง 6-12 เดือนแยกจากเงินลงทุนเพื่อเกษียณ
  • ดูแลสุขภาพ: ออกกำลังกายและรับประทานอาหารเพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพในอนาคต

ประเด็นสำคัญที่ควรรู้

  • เริ่มต้นให้เร็วที่สุด: การวางแผนเกษียณตั้งแต่อายุ 25-30 ปีจะให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
  • ออมอย่างสม่ำเสมอ: ตั้งเป้า 10-15% ของรายได้และเพิ่มขึ้นตามอายุและความสามารถ
  • เลือกเครื่องมือให้เหมาะสม: ใช้ประโยชน์จาก RMF, Thai ESG และกระจายการลงทุน

 

  เริ่มต้นวางแผนเกษียณของคุณวันนี้ ด้วยการคำนวณเป้าหมายเงินเกษียณ เปิดบัญชี RMF หรือกองทุน Thai ESG และเริ่มออมอย่างสม่ำเสมอ การเริ่มต้นเร็วขึ้น 1 ปีจะช่วยให้คุณมีเงินมากขึ้นหลายแสนบาทในวัยเกษียณ

  ซึ่งสำหรับคนวัยทำงานก็สามารถเข้าไปอ่านเพิ่มเติมได้ที่ “5 เหตุผล ที่คนทำงานควรลงทุน ETF”

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Q: วางแผนเกษียณคืออะไร?

 A: การเตรียมความพร้อมทางการเงินเพื่อให้มีเงินเพียงพอใช้จ่ายหลังหยุดทำงาน ผ่านการออมและลงทุนอย่างสม่ำเสมอ

Q: ต้องมีเงินเท่าไหร่ถึงจะเกษียณได้?

A: โดยทั่วไปควรมีเงิน 25-30 เท่าของค่าใช้จ่ายประจำปี หรือประมาณ 3-8 ล้านบาทสำหรับคนรายได้ปานกลาง

Q: SSF ยังลดหย่อนภาษีได้อีกไหม?

A: ไม่ได้แล้ว SSF หยุดให้สิทธิลดหย่อนภาษีตั้งแต่ปี 2567 ปัจจุบันสามารถใช้ RMF (สูงสุด 500,000 บาท) และ Thai ESG (สูงสุด 300,000 บาท) แทน

Q: การลงทุนเพื่อเกษียณปลอดภัยหรือไม่?

A: ปลอดภัยหากเลือกเครื่องมือที่เหมาะสมกับอายุและกระจายการลงทุน ความเสี่ยงจากไม่วางแผนจะสูงกว่าการลงทุน

 

Disclaimer: บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลและความรู้ทั่วไปเท่านั้น ไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนหรือการวางแผนการเงินส่วนบุคคล ผู้อ่านควรปรึกษาที่ปรึกษาทางการเงินหรือผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุนหรือวางแผนการเงิน การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน

 

Leadform.webp