ตราสารหนี้ต่างประเทศให้ผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝากธนาคารไทยเป็นธรรมดา เนื่องจากหลักการพื้นฐานของการลงทุนที่ว่า "ผลตอบแทนสูงขึ้นต้องแลกกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น" โดยตราสารหนี้มีความเสี่ยงมากกว่าเงินฝากธนาคารในด้านอัตราแลกเปลี่ยนและความผันผวนของราคา
นอกจากนี้ ปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งคือความแตกต่างของนโยบายการเงิน ระหว่างประเทศ โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 4.00-4.25% ในขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทยมีอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50% ส่งผลให้พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ให้ผลตอบแทน 4-4.6% ต่อปี เทียบกับเงินฝากออมทรัพย์ไทยเพียง 0.5-1.5% ต่อปี
หากคุณกำลังมองหาทางเลือกการเพิ่มผลตอบแทนจากเงินออมและเข้าใจความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง การลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศอาจเป็นคำตอบที่คุ้มค่า บทความนี้จะวิเคราะห์เปรียบเทียบผลตอบแทนและความเสี่ยงอย่างละเอียด พร้อมแนะนำวิธีเริ่มต้นลงทุนอย่างรอบคอบ
ตราสารหนี้ต่างประเทศ VS เงินฝากธนาคาร: เปรียบเทียบผลตอบแทนจริง
ตราสารหนี้ต่างประเทศให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝากธนาคารไทยอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยโลกอยู่ในระดับสูง
การเปรียบเทียบผลตอบแทนปัจจุบัน:
จากตารางข้างต้นจะเห็นได้ว่าพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝากไทยถึง 3-4 เท่า ซึ่งเป็นความแตกต่างที่สำคัญสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเพิ่มผลตอบแทนจากเงินออม
ทำไมตราสารหนี้ต่างประเทศถึงให้ผลตอบแทนสูงกว่า?
สาเหตุหลักที่ทำให้ตราสารหนี้ต่างประเทศให้ผลตอบแทนสูงกว่า
1.นโยบายการเงินที่แตกต่างกัน
ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ปัจจุบันคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 4.00-4.25% หลังจากที่เคยปรับขึ้นสู่จุดสูงสุดที่ 5.25-5.50% ในช่วง กรกฎาคม 2023 ถึง กันยายน 2024 เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
ในขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)มีอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50% ต่อปี ภายหลังจากการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 2/2568 ที่ลดลงจากเดิม 2.00%
2.สภาวะ "Higher for Longer"
ปัจจุบันตลาดการเงินอยู่ในช่วง "Higher for Longer" หมายความว่าอัตราดอกเบี้ยสูงจะคงอยู่เป็นระยะเวลานาน ส่งผลให้ตราสารหนี้ต่างประเทศโดยเฉพาะพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจ
3.ความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจ
สหรัฐอเมริกาเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจที่มีความมั่นคงสูง ทำให้นักลงทุนทั่วโลกเต็มใจจ่ายเงินเพื่อซื้อพันธบัตรที่มีผลตอบแทนสูงและความเสี่ยงต่ำ
ประเภทตราสารหนี้ต่างประเทศที่น่าสนใจ
1.พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกา (US Treasury Bonds)
- ความเสี่ยง: ต่ำที่สุดในโลก
- ผลตอบแทน: 4.0-4.6% ต่อปี
- สภาพคล่อง: สูงมาก
- เหมาะสำหรับ: นักลงทุนอนุรักษ์ที่ต้องการความมั่นคง
2.หุ้นกู้เอกชน Investment Grade
- ความเสี่ยง: ต่ำ-ปานกลาง
- ผลตอบแทน: 5-7% ต่อปี
- คุณภาพ: ได้รับการจัดอันดับ AAA ถึง BBB-
- เหมาะสำหรับ: นักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงเล็กน้อยเพื่อผลตอบแทนสูงขึ้น
3.กองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ
- ความเสี่ยง: ปานกลาง
- ผลตอบแทน: 3-6% ต่อปี
- ข้อดี: มีผู้จัดการกองทุนดูแล กระจายความเสี่ยงอัตโนมัติ
- เหมาะสำหรับ: นักลงทุนมือใหม่ที่ต้องการความสะดวก
ซึ่งการจัดสรรประเภทของสินทรัพย์ในพอร์ตการลงทุนของคุณเองก็เป็นเรื่องที่ต้องวางแผน โดยนอกเหนือจากพันธบัตรที่ได้รับเงินดอกเบี้ยแล้ว เงินปันผลจากหุ้นหรือกองทุนเองก็น่าสนใจไม่น้อย คุณสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ “หุ้นปันผลต่างประเทศ vs กองทุน มือใหม่ควรเลือกอะไร?”
ความเสี่ยงที่ต้องพิจารณาก่อนเริ่มลงทุน
1.ความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน (Currency Risk)
ความเสี่ยงหลักของการลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศคือความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน หากค่าบาทแข็งขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ นักลงทุนอาจได้รับผลตอบแทนที่ลดลงเมื่อแปลงกลับเป็นเงินบาท
วิธีการลดความเสี่ยง:
- เลือกกองทุนที่มีการ Hedge อัตราแลกเปลี่ยน
- ลงทุนแบบ Dollar Cost Averaging เพื่อเฉลี่ยต้นทุน
- กำหนดสัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสมกับความเสี่ยงที่รับได้
2.ความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย (Interest Rate Risk)
เมื่ออัตราดอกเบี้ยปรับเปลี่ยน ราคาตราสารหนี้จะเคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้าม โดยเฉพาะตราสารหนี้ระยะยาวจะมีความไวต่อการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยมากกว่า
3.ความเสี่ยงด้านเครดิต (Credit Risk)
แม้ว่าพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯจะมีความเสี่ยงต่ำที่สุด แต่หุ้นกู้เอกชนยังคงมีความเสี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ นักลงทุนควรเลือกตราสารหนี้ที่มี Credit Rating ระดับ Investment Grade เท่านั้น
วิธีเริ่มต้นลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ
1.ผ่านกองทุนรวม (Mutual Fund)
- ข้อดี: มีผู้จัดการกองทุนมืออาชีพดูแล, กระจายความเสี่ยงอัตโนมัติ, เริ่มต้นลงทุนขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท
- เหมาะสำหรับ: นักลงทุนมือใหม่ที่ต้องการความสะดวกและไม่ต้องดูแลพอร์ตเอง
2.ผ่าน ETF (Exchange-Traded Fund)
- ข้อดี: ค่าธรรมเนียมต่ำ, สภาพคล่องสูง, ซื้อขายได้ง่ายเหมือนหุ้น
- เหมาะสำหรับ: นักลงทุนที่มีประสบการณ์และต้องการควบคุมการลงทุนด้วยตนเอง
3.ลงทุนโดยตรง (Direct Investment)
- ข้อดี: ผลตอบแทนเต็มจำนวนไม่มีค่าธรรมเนียมกองทุน, เลือกตราสารเฉพาะได้
- ข้อกำหนด: ต้องเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ต่างประเทศ, มีเงินลงทุนขั้นต่ำสูงกว่า
ข้อดีของการเลือก Yuanta Securities
Yuanta Securities เป็นบริษัทหลักทรัพย์ที่ได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต. โบรกเกอร์หมายเลข 19 ที่มีประสบการณ์กว่า 49 ปี ในการให้บริการด้านการลงทุน พร้อมความเชี่ยวชาญในตลาดตราสารหนี้ต่างประเทศ
จุดเด่นของ Yuanta Securities:
- เครื่องมือการลงทุนครบครัน: รองรับการลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศทุกรูปแบบ อย่าง “Yuanta Global Plus”
- ทีมนักวิเคราะห์มืออาชีพ: ให้คำแนะนำการลงทุนที่เหมาะสมกับโปรไฟล์ความเสี่ยง
- ระบบคุ้มครองผู้ลงทุน: เป็นสมาชิกกองทุนคุ้มครองผู้ลงทุนตามกฎหมาย
- บริการครบวงจร: ตั้งแต่การศึกษาลงทุน ไปจนถึงการดำเนินการซื้อขายและติดตามผลงาน
FAQ Section - คำถามที่พบบ่อย
Q: ตราสารหนี้ต่างประเทศเสี่ยงกว่าเงินฝากธนาคารมากไหม?
A: ความเสี่ยงสูงกว่าเล็กน้อย โดยเฉพาะด้านอัตราแลกเปลี่ยน แต่พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงเป็นสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยสูงมาก และให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น
Q: เริ่มต้นลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศต้องใช้เงินเท่าไหร่?
A: จำนวนเงินขั้นต่ำขึ้นอยู่กับช่องทางการลงทุนที่เลือก โดยแต่ละวิธีมีข้อกำหนดแตกต่างกัน
Q: ผลตอบแทน 4% จากตราสารหนี้ต่างประเทศถือว่าดีไหม?
A: ถือว่าดีมากเมื่อเปรียบเทียบกับเงินฝากไทยที่ให้เพียง 1-1.5% และยังมีระดับความเสี่ยงที่ต่ำ เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนมั่นคงระยะยาว
เริ่มต้นลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศกับ Yuanta Securities
ตราสารหนี้ต่างประเทศให้ผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝากธนาคารไทยถึง 3-4 เท่า โดยพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯให้ผลตอบแทน 4-4.6% ต่อปี เทียบกับเงินฝากออมทรัพย์เพียง 0.5-1.5% ต่อปี แม้จะมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน แต่ความแตกต่างของผลตอบแทนทำให้เป็นทางเลือกที่คุ้มค่าสำหรับการเพิ่มผลตอบแทนจากเงินออม
Yuanta Securities พร้อมเป็นพันธมิตรการลงทุนของคุณด้วยประสบการณ์กว่า 49 ปี และใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. ทีมนักวิเคราะห์ผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำปรึกษาการลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศที่เหมาะสมกับเป้าหมายและโปรไฟล์ความเสี่ยงของคุณ เปิดบัญชีได้ที่ https://www.yuanta.co.th/ หรือติดต่อสอบถาม เพื่อเริ่มต้นเส้นทางการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝากธนาคารอย่างมั่นคงและยั่งยืน
