การลงทุนในหุ้นต่างประเทศกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นในหมู่นักลงทุนไทย โดยเฉพาะหุ้นสหรัฐอเมริกา ฮ่องกง และเวียดนาม ซึ่งมีมูลค่าการซื้อขายเพิ่มขึ้นกว่า 200% ในปี 2024 แต่สิ่งสำคัญที่นักลงทุนต้องเข้าใจคือ ภาษีหุ้นต่างประเทศที่อาจส่งผลกระทบต่อผลตอบแทนการลงทุน

ภาษีหุ้นต่างประเทศมีความซับซ้อนเพราะเกี่ยวข้องกับกฎหมายภาษีของหลายประเทศ นักลงทุนต้องเข้าใจทั้งภาษีที่ประเทศต้นทางเก็บ และภาษีที่ต้องเสียเพิ่มเติมในประเทศไทย รวมถึงสิทธิประโยชน์จากสนธิสัญญาภาษีซ้อนที่ช่วยลดภาระภาษี

ภาษีหุ้นต่างประเทศคืออะไร?

ภาษีหุ้นต่างประเทศ หมายถึง ภาษีที่เกิดขึ้นจากการลงทุนในหลักทรัพย์ของประเทศอื่น แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก คือ ภาษีเงินปันผล (Dividend Tax) และ ภาษีกำไรจากการขาย (Capital Gains Tax)

ประเภทของภาษีหุ้นต่างประเทศ

1.      ภาษีเงินปันผล (Dividend Tax)

ภาษีจากเงินปันผลที่บริษัทต่างประเทศจ่ายให้

2.      ภาษีกำไรจากการขาย (Capital Gains Tax) 

ภาษีจากกำไรที่เกิดจากการขายหุ้นในราคาสูงกว่าทุน

3.      ภาษีหัก ณ ที่จ่าย (Withholding Tax) 

ภาษีที่ประเทศต้นทางหักไว้ล่วงหน้า

ถ้าหากเป็นผู้ที่สนใจลงทุนในต่างประเทศสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ “5 คำถามที่ต้องรู้! ก่อนลงทุนในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกา

อัตราภาษีหุ้นต่างประเทศตามประเทศ

ตารางอัตราภาษีหลักทรัพย์ต่างประเทศ

ประเทศ

Capital Gains Tax

Dividend Tax

หมายเหตุ

สหรัฐอเมริกา

ไม่มี

15-37%*

*ขึ้นกับประเภทหุ้น

ฮ่องกง

ไม่มี

ไม่มี**

**ยกเว้น H-Share บางกรณี

เวียดนาม

ไม่มี

ไม่มี

อัตราภาษีอาจเปลี่ยนแปลง

สิงคโปร์

ไม่มี

ไม่มี

ขึ้นกับกฎเกณฑ์ท้องถิ่น

ญี่ปุ่น

20.315%

20.315%

รวมภาษีท้องถิ่น

วิธีคำนวณภาษีหุ้นต่างประเทศอย่างถูกต้อง

1. คำนวณภาษีที่ประเทศต้นทางหัก

  • ยอดเงินปันผลที่ได้รับ × อัตราภาษีของประเทศนั้น
  • โบรกเกอร์จะหักให้อัตโนมัติ

2. แปลงเป็นเงินบาท

  • ใช้อัตราแลกเปลี่ยนของธนาคารแห่งประเทศไทย ณ วันที่ได้รับเงินปันผล

3. คำนวณภาษีที่ต้องเสียในไทย

  • นำรายได้รวมไปคำนวณตามอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
  • ใช้สิทธิหักภาษีซ้อนตามสนธิสัญญา

ขั้นตอนคำนวณภาษีกำไรจากการขาย

1. คำนวณกำไร/ขาดทุน

  • ราคาขาย - ราคาทุน - ค่าใช้จ่าย = กำไร/ขาดทุน
  • รวมค่าใช้จ่าย: ค่านายหน้า, ค่าธรรมเนียม, ค่าแลกเปลี่ยน

2. แปลงเป็นเงินบาทและรวมเข้ารายได้

  • ใช้อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ขาย
  • นำกำไรรวมเข้ารายได้ประจำปีเพื่อเสียภาษี

ข้อควรระวังและความเสี่ยง

สิ่งที่ต้องระวัง

1.      อัตราแลกเปลี่ยนผันผวน: อาจส่งผลกระทบต่อการคำนวณภาษีและกำไรขาดทุน

2.      ข้อมูลไม่ครบถ้วน: การไม่เก็บเอกสารการซื้อขายอาจทำให้คำนวณภาษีผิดพลาด

3.      พลาดกำหนดยื่นภาษี: ยื่นภาษีล่าช้าอาจมีค่าปรับและดอกเบี้ยรายเดือน

จุดสำคัญที่นักลงทุนต้องจำ

1.      ภาษีหุ้นต่างประเทศมี 2 ส่วน: ภาษีที่ประเทศต้นทางหักไว้ และภาษีเพิ่มเติมในไทย

2.      อัตราภาษีแตกต่างกันแต่ละประเทศ: สหรัฐฯ มีภาษีเงินปันผล ขณะที่ฮ่องกงไม่มี

3.      สิทธิหักภาษีซ้อนช่วยลดภาระ: ใช้สนธิสัญญาระหว่างประเทศได้ประโยชน์

เริ่มต้นวางแผนภาษีอย่างไร?

เริ่มต้นวางแผนภาษีการลงทุนวันนี้! ศึกษาอัตราภาษีของประเทศที่คุณสนใจลงทุน ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหากมีข้อสงสัย และเริ่มเก็บข้อมูลการลงทุนอย่างเป็นระบบ การวางแผนภาษีที่ดีจะช่วยเพิ่มผลตอบแทนการลงทุนของคุณในระยะยาว

นอกจากนี้ยังสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ “5 สิ่งสำคัญที่ควรรู้ก่อนลงทุนในกองทุนต่างประเทศ

คำถามยอดฮิตเรื่องภาษีหุ้นต่างประเทศ

Q1: ภาษีหุ้นต่างประเทศคืออะไร? 

A1: ภาษีที่เกิดจากการลงทุนในหุ้นต่างประเทศ แบ่งเป็นภาษีเงินปันผลและภาษีกำไรจากการขาย ซึ่งอาจต้องเสียทั้งในประเทศต้นทางและประเทศไทย

Q2: ต้องมีเงินเท่าไหร่ถึงจะคุ้มกับการวางแผนภาษี? 

A2: การลงทุนตั้งแต่ 500,000 บาทขึ้นไป ควรเริ่มวางแผนภาษีอย่างจริงจัง เพราะการประหยัดภาษีได้ 5-15% จะมีผลกระทบที่ชัดเจน

Q3: เริ่มต้นคำนวณภาษีหุ้นต่างประเทศอย่างไรสำหรับมือใหม่? 

A3: 1) เก็บข้อมูลการซื้อขายทั้งหมด 2) แยกแยะรายได้เงินปันผลและกำไรจากการขาย 3) แปลงเป็นเงินบาทด้วยอัตราธนาคารแห่งประเทศไทย 4) คำนวณภาษีตามอัตราขั้นบันได

Q4: การไม่ยื่นภาษีหุ้นต่างประเทศมีโทษอย่างไร? 

A4: อาจมีค่าปรับตั้งแต่ 200% ของภาษีที่ค้างเสีย บวกดอกเบี้ย 1.5% ต่อเดือน และในกรณีร้ายแรงอาจถูกดำเนินคดีอาญา

Lead form.webp