การเริ่มต้นออมเงินเพื่อลงทุนในกองทุนรวมเป็นก้าวแรกสำคัญในการสร้างความมั่งคั่งระยะยาว แต่หลายคนยังไม่เข้าใจว่าความเสี่ยงกองทุนรวมแบ่งออกเป็นกี่ระดับ และควรออมเงินอย่างไรให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
การเข้าใจระบบการจัดระดับความเสี่ยงตามมาตรฐาน สำนักงาน ก.ล.ต. จะช่วยให้คุณสามารถวางแผนการออมและลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ระดับความเสี่ยงกองทุนรวม ตาม ก.ล.ต. คืออะไร?
ระดับความเสี่ยงกองทุนรวม (Risk Spectrum) คือระบบการจัดประเภทกองทุนรวมตามความเสี่ยงที่กำหนดโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ แบ่งออกเป็น 8 ระดับ เรียงจากความเสี่ยงต่ำสุดไปหาสูงสุด เพื่อให้นักลงทุนสามารถเลือกกองทุนที่เหมาะสมกับโปรไฟล์ความเสี่ยงและเป้าหมายการลงทุนของตนเอง
รายละเอียดระดับความเสี่ยงกองทุนรวมทั้ง 8 ระดับ
ระดับความเสี่ยงกองทุนที่ 1: กองทุนรวมตลาดเงินในประเทศ
ประเภทสินทรัพย์: เงินฝาก ตั๋วเงินคลัง ตราสารหนี้ระยะสั้นที่มีอายุไม่เกิน 1 ปี
- ความเสี่ยง: ต่ำที่สุด
- ผลตอบแทนที่คาดหวัง: 1-3% ต่อปี
- เหมาะสำหรับ: ผู้ลงทุนที่ไม่ต้องการความเสี่ยง หรือต้องการพักเงินชั่วคราว
ระดับความเสี่ยงกองทุนที่ 2: กองทุนรวมตลาดเงินต่างประเทศ
ประเภทสินทรัพย์: เงินฝาก ตั๋วเงินต่างประเทศ พร้อมการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน
- ความเสี่ยง: ต่ำ มีความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มเติม
- ผลตอบแทนที่คาดหวัง: 2-4% ต่อปี
- เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการกระจายความเสี่ยงทางสกุลเงิน
ระดับความเสี่ยงกองทุนที่ 3: กองทุนรวมคุ้มครองเงินต้น
ประเภทสินทรัพย์: ตราสารภาครัฐไทย ตราสารต่างประเทศ เงินฝาก
- ความเสี่ยง: ต่ำ มีการคุ้มครองเงินลงทุนเริ่มแรก
- ผลตอบแทนที่คาดหวัง: 2-5% ต่อปี
- เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการความปลอดภัยของเงินต้น
ระดับความเสี่ยงกองทุนที่ 4: กองทุนรวมตราสารหนี้
ประเภทสินทรัพย์: พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ หุ้นกู้เอกชน
- ความเสี่ยง: ปานกลางต่ำ
- ผลตอบแทนที่คาดหวัง: 3-6% ต่อปี
- เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการผลตอบแทนสม่ำเสมอ
ระดับความเสี่ยงกองทุนที่ 5: กองทุนรวมผสม
ประเภทสินทรัพย์: ลงทุนได้ทุกประเภทสินทรัพย์ ตามสัดส่วนที่กำหนด
- ความเสี่ยง: ปานกลาง
- ผลตอบแทนที่คาดหวัง: 5-8% ต่อปี
- เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการกระจายความเสี่ยง
ระดับความเสี่ยงกองทุนที่ 6-7: กองทุนรวมหุ้น
ประเภทสินทรัพย์: หุ้นในประเทศและต่างประเทศ ไม่น้อยกว่า 65% ของ NAV
- ความเสี่ยง: สูง
- ผลตอบแทนที่คาดหวัง: 8-15% ต่อปี
- เหมาะสำหรับ: ผู้ที่รับความเสี่ยงได้และมีระยะเวลาลงทุนยาว
ระดับความเสี่ยงกองทุนที่ 8: กองทุนรวมหุ้นเฉพาะด้าน
ประเภทสินทรัพย์: หุ้นเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรม หรือประเทศใดประเทศหนึ่ง
- ความเสี่ยง: สูงที่สุด
- ผลตอบแทนที่คาดหวัง: 10-20% ต่อปี (ผันผวนสูงมาก)
- เหมาะสำหรับ: นักลงทุนมืออาชีพ ที่มีความรู้และประสบการณ์
วิธีออมเงินเพื่อลงทุนกองทุนรวมอย่างมีประสิทธิภาพ
1. กำหนดเป้าหมายการออมที่ชัดเจน
การออมเงินที่ประสบความสำเร็จต้องเริ่มจากการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน ยกตัวอย่างเช่น
- เงินฉุกเฉิน: 3-6 เดือนของค่าใช้จ่าย → อาจนำไปฝากในกองทุนความเสี่ยงระดับ 1-2
- เงินลงทุนระยะกลาง (3-5 ปี): ลงทุนในกองทุนระดับความเสี่ยง 4-5
- เงินลงทุนระยะยาว (มากกว่า 5 ปี): ลงทุนในกองทุนระดับความเสี่ยง 6-8
2. ใช้เทคนิคตั้งเงินออมทันทีที่ได้รับรายได้
เทคนิคการออมเงินที่ได้ผลคือการตั้งเงินออมไว้ก่อนใช้จ่ายอื่น ๆ
- ออม 20% ของรายได้สำหรับการลงทุนระยะยาว
- ออม 10% สำหรับเงินฉุกเฉิน
- ออม 10% สำหรับเป้าหมายเฉพาะ เช่น ซื้อบ้าน ท่องเที่ยว
3. ปรับระดับความเสี่ยงตามช่วงอายุ
การจัดสรรความเสี่ยงควรปรับตามอายุ ระยะเวลาและเป้าหมายการลงทุน โดยตัวอย่างการจัดสรรโดยใช้อายุเป็นเกณฑ์มีดังนี้
- อายุ 25-35 ปี: สามารถลงทุนในกองทุนระดับความเสี่ยง 6-8 ได้ 70-80%
- อายุ 36-50 ปี: ลงทุนในกองทุนระดับความเสี่ยง 4-6 ประมาณ 60-70%
- อายุ 51 ปีขึ้นไป: เน้นกองทุนระดับความเสี่ยง 1-4 มากกว่า 60%
ซึ่งหากสนใจในกองทุนรวม สามารถเข้าไปอ่านเพิ่มเติมได้ที่ “ลงทุนกองทุนรวมอย่างไรให้ได้ผลตอบแทนดี? เริ่มต้นง่ายๆ ที่นี่!”
กลยุทธ์การกระจายความเสี่ยงในการออมลงทุน
1.การแบ่งสัดส่วนตามหลัก Core-Satellite
1.1.พอร์ตหลัก (Core) 60-70%: ลงทุนในกองทุนระดับความเสี่ยง 4-5 เพื่อความมั่นคง ตัวอย่างเช่น
- กองทุนตราสารหนี้รัฐบาล
- กองทุนผสมที่กระจายความเสี่ยงดี
1.2.พอร์ตเสริม (Satellite) 30-40%: ลงทุนในกองทุนระดับความเสี่ยง 6-8 เพื่อเพิ่มผลตอบแทน ตัวอย่างเช่น
- กองทุนหุ้นไทยขนาดใหญ่
- กองทุนหุ้นต่างประเทศ
2.การใช้เทคนิค Dollar Cost Averaging (DCA)
การลงทุนแบบจ่ายเป็นงวดเป็นวิธีลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด
- ลงทุนจำนวนเท่ากันทุกเดือน ไม่ว่าราคาจะสูงหรือต่ำ
- ช่วยเฉลี่ยต้นทุนเมื่อราคากองทุนผันผวน
- สร้างวินัยการออมที่สม่ำเสมอ
ข้อผิดพลาดที่ควรหลีกเลี่ยงในการออมลงทุน
1. เลือกระดับความเสี่ยงไม่เหมาะสมกับตัวเอง
- ไม่ควรลงทุนในกองทุนระดับความเสี่ยง 8 หากยังไม่มีประสบการณ์
- หลีกเลี่ยงการลงทุนในกองทุนระดับความเสี่ยง 1-2 หากต้องการผลตอบแทนระยะยาว
2. ไม่มีเงินฉุกเฉินก่อนเริ่มลงทุน
- ควรมีเงินฉุกเฉินก่อนลงทุนในกองทุนระดับความเสี่ยงสูง
- เงินฉุกเฉินไม่ควรเก็บในกองทุนระดับความเสี่ยง 6-8
3. ไม่สม่ำเสมอในการออมเงิน
- การออมไม่สม่ำเสมอจะทำให้พลาดโอกาสจาก compound interest
- ควรตั้ง Auto Debit เพื่อความสะดวกและสม่ำเสมอ
ประโยชน์ของการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน
การมีที่ปรึกษาการลงทุนมืออาชีพจะช่วยให้
- ประเมินความเสี่ยงที่เหมาะสมกับโปรไฟล์ของคุณ
- จัดสรรพอร์ตการลงทุนตามเป้าหมายและระยะเวลา
- ติดตามและปรับปรุงพอร์ตตามสภาวะตลาด
- ให้คำแนะนำเมื่อตลาดมีความผันผวนสูง
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q: ผู้เริ่มต้นควรเลือกกองทุนระดับความเสี่ยงไหนดี?
A: ผู้เริ่มต้นควรเริ่มจากกองทุนระดับความเสี่ยง 4-5 ซึ่งให้ผลตอบแทนที่สมดุลกับความเสี่ยง พร้อมทั้งมีเงินฉุกเฉินในกองทุนระดับความเสี่ยง 1-2 ก่อนลงทุนในระดับที่สูงขึ้น
Q: ควรออมเงินเท่าไหร่ต่อเดือนจึงจะพอลงทุนกองทุนรวม?
A: แนะนำให้ออมเงิน 20% ของรายได้ โดยสามารถเริ่มลงทุนกองทุนรวมได้ตั้งแต่ 1,000 บาทต่อเดือน ผ่านการลงทุนแบบ DCA เพื่อสร้างวินัยและลดความเสี่ยง
Q: ความเสี่ยงกองทุนระดับ 8 เหมาะกับใคร?
A: กองทุนระดับความเสี่ยง 8 เหมาะกับนักลงทุนที่มีประสบการณ์ สามารถรับความผันผวนสูงได้ มีระยะเวลาลงทุนยาวกว่า 5 ปี และมีพอร์ตการลงทุนที่กระจายความเสี่ยงดีแล้ว
ก้าวแรกสู่ความมั่งคั่งที่ยั่งยืน
การเข้าใจระดับความเสี่ยงกองทุนรวมทั้ง 8 ระดับและการออมเงินอย่างมีระบบเป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างความมั่งคั่งระยะยาว
การเลือกกองทุนที่เหมาะสมกับโปรไฟล์ความเสี่ยงและการมีแผนการออมที่ชัดเจนจะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่าลืมว่าการลงทุนในกองทุนรวมต้องอาศัยความสม่ำเสมอและความเข้าใจในผลิตภัณฑ์ที่ลงทุน
หากคุณกำลังมองหาการออมเงินและลงทุนที่เหมาะสมกับโปรไฟล์ความเสี่ยงของคุณ Yuanta Securities พร้อมเป็นพันธมิตรการลงทุนของคุณด้วยประสบการณ์กว่า 49 ปี ใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. และเครื่องมือการลงทุนที่ทันสมัย ทีมนักวิเคราะห์ผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำปรึกษาการลงทุนและการประเมินความเสี่ยงที่เหมาะสมกับเป้าหมายการออมของคุณ เปิดบัญชีได้ที่ https://www.yuanta.co.th/ หรือติดต่อสอบถาม เพื่อเริ่มต้นการออมและลงทุนที่มั่นคงและยั่งยืน
